ในการนำศาสนาพุทธมาสอนพุทธศาสนิกชนนั้น จะมี 2 ยุคคือ ยุคของพระพุทธเจ้ากับยุคของจักรพรรดิ
ยุคของพระพุทธเจ้า เรารู้จักดี ก็ในยุคของเราปัจจุบันนี้ ถ้าเป็นยุคของจักรพรรดินั้น ผู้ที่มาทำหน้าที่สอนพุทธศาสนิกชนจะไม่ต้องบวช จะอยู่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน เช่นเดียวกับพระเจ้าอโศกมหาราช
แต่พระองค์ไม่ได้ใช้อำนาจในทางทหารแบบพระเจ้าอโศกมหาราช แต่จะใช้อำนาจในทางธรรม ในพระไตรปิฎกมีเรื่องราวของจักรพรรดิอยู่มากมาย แต่นักปริยัติทำเป็นไม่รู้ ไม่เห็น
จักรพรรดิที่กำลังสร้างบารมีอยู่นั้น มีกายเหมือนกัน แต่เป็นกายละเอียด ดังที่จะได้กล่าวถึงในบทความนี้
จักรพรรดิสามารถจัดแบ่งออกเป็นประเภทได้หลายแบบ ถ้าเอาตัวเราเป็นเกณฑ์ในการจัดแบ่งจักรพรรดิ จักรพรรดิก็จะมี 2 ประเภทคือ จักรพรรดิในกายกับจักรพรรดินอกกาย
จักรพรรดิในกายก็คือ รัตนะเจ็ด ได้แก่ ช้างแก้ว ม้าแก้ว ขุนพลแก้ว นางแก้ว ขุนคลังแก้ว แก้วมณี และจักรแก้ว
จักรพรรดิในกายทั้ง 7 ประเภทนี้ จักรแก้วจะเป็นประธาน มีอำนาจมากกว่าจักรประเภทอื่นๆ
รัตนะเจ็ดนี้ จะมีเฉพาะผู้ปฏิบัติธรรม อาจจะมีครบหรือไม่ครบทั้ง 7 ประเภทก็ได้ ถ้าไม่ครบต้องไปขอเพิ่มกับพระพุทธองค์
จักรพรรดิอีกประเภทหนึ่ง คือ จักรพรรดินอกกาย จะมีอยู่ตามรัตนชาติต่างๆ จักรพรรดินอกกายเหล่านี้ก็จะมี 7 ประเภทเหมือนกัน แต่ในแต่ละรัตนชาติ มักจะเป็นจักรพรรดิประเภทใดประเภทหนึ่ง ไม่ได้มีครบ 7 อย่างแบบจักรพรรดิในกาย
ผมได้นำพลอยอ่อนมาแกะเป็นจักรแก้ว ในจักรแก้วเหล่านี้ มีจักรพรรดิที่เป็นจักรแก้วอยู่ จักรแก้วทั้งหมดลงมาจากนิพพานเพื่อสร้างบารมี
ในการไปสอนปฏิบัติธรรมบางครั้งมีเวลาเหลือมาก และเด็กนักเรียนก็ชอบกิจกรรมนี้มากคือ วาดรูป
ผมจึงสอนให้นักเรียนตรวจดูจักรพรรดิข้างใน และวาดรูปออกมา
นี่คือตัวอย่างวิดิโอการดูจักรพรรดิในเรือนจักรแก้ว
สำหรับภาพของจักรพรรดิจักรแก้วในเรือนของท่านก็เป็นดังนี้
ภาพที่ 1-5 เป็นภาพที่นักเรียนโรงเรียนบ้านบุใหญ่ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมาเป็นผู้วาด
จะเห็นได้ว่า นักเรียนวาดภาพจักรแก้วได้คล้ายกัน ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะ ความนิ่งของนักเรียนกับบารมีเดิมของนักเรียน
สิ่งที่เป็นความจริงที่ผมต้องการจะเน้นก็คือ ศาสนาพุทธนั้นเป็น “ความจริง” อย่างหนึ่ง และสามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific method) ซึ่งผมได้ทำไปแล้ว ก็คือ ไปสอนในหลายๆ ที่ แล้วให้นักเรียนเหล่านั้นวาดภาพมาให้ดู
ซึ่งนักเรียนทุกโรงเรียนทำได้ทั้งนั้น
..........................................................................
..........................................................................
"ผมได้นำพลอยอ่อนมาแกะเป็นจักรแก้ว ในจักรแก้วเหล่านี้ มีจักรพรรดิที่เป็นจักรแก้วอยู่ จักรแก้วทั้งหมดลงมาจากนิพพานเพื่อสร้างบารมี"
ตอบลบผมสงสัยว่า จักรแก้ว นี้มีจิตครองหรือเปล่าครับ และลงมาจากนิพพานเพื่อสร้างบารมี ก็แล้วถ้านิพพานแล้วจะต้องสร้างบารมีเพื่ออะไรครับ ขออภัยอาจเป็นคำถามโง่ๆ
คุณต้องศึกษาเรื่องของ "จักรพรรดิ" ก่อน
ตอบลบจักรพรรดิมีหน้าที่ดูแลศาสนา ดูแลพระพุทธเจ้า ดังนั้น จักรพรรดิจึงจะต้องมีบารมีมากกว่าพระพุทธเจ้า และสามารถสร้างบารมีเพิ่มเติมได้ แม้จะนิพพานไปแล้ว
สิ่งที่เขียนไปทั้งหมดนั้น "เป็นจริง" ทั้งหมด เด็กนักเรียน-นักศึกษาที่ผมสอน สามารถเห็นจักรพรรดิ พูดคุยกับจักรพรรดิได้
สิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลายในศาสนาพุทธ เป็นจักรพรรดิทั้งสิ้น ไม่ว่าจะอยู่ในพระประธาน พระเครื่อง พระบูชา คต รัตนชาติต่างๆ
คุณคิดว่า "หิน" "ดิน" ฯลฯ ศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเองหรือไง................
ไม่สามารถสละสิทธิ์ได้ด้วยตัวเองถ้าไม่มีจิตญาณเข้าไปสถิต
ลบอาจารย์แกเข้าใจผิดครับ
ตอบลบจักรพรรดิคือชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้าต่างหากพระพุทธเจ้าศรีศากยมุณีอดีตชาตินานมาแล้วเคยเป็นพระจักรพรรดิมาหลายชาติ
ลบได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิมาก่อน 10 ชาติสุดท้ายด้วยซ้ำไป
ตอบลบแม้ในชาติสุดท้ายในขณะที่พระองค์จะออกบวชจักรแก้วทะยานมาหาพระองค์เพื่อให้พระองค์เป็นพระบรมจักรพรรดิพยามารมาเชิญให้เป็นพระจักรพรรดิพระองค์ยังสละเพราะเบื่อหน่ายและต้องการพ้นทุกขอย่างแท้จริง
ตอบลบพญามารมาเชิญให้เป็นพระจักรพรรดิ
ตอบลบ